วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อิ่ม อร่อย สุพรรณยกโคตร วางไลน์ กินรายได้ทั้งรายหัว รายเดี่ยว รายตรง

สำหรับเหตุผลที่จะผลักดันให้บุตรชายเข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรี เนื่องจากตนเองเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 3 ครั้ง และต้องการเห็นคนรุ่นใหม่ขึ้นมาทำงานบ้าง แต่คงต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรคชาติไทยพัฒนาจะพิจารณา อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการหารือกับหัวหน้าพรรค และมั่นใจว่าบุตรชายจะสามารถทำหน้าที่รัฐมนตรีได้ และแม้ตนจะลาออกจากรัฐมนตรีแล้ว แต่ก็ยังทำหน้าที่เป็น ส.ส.และที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนาต่อไป

พล.ต.สนั่น แสดงความเห็นว่า ในขณะนี้รัฐบาลยังคงสามารถทำหน้าที่บริหารประเทศต่อไปได้ เพราะมีผลงานให้เห็นในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพียงแต่อาจจะติดขัดจากปัญหาทางการเมืองอยู่บ้าง
++++++++++++++++++++
ไม่เห็นด้วย ที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ประกาศจะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี หลังการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อให้นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ บุตรชายเป็นรัฐมนตรีแทน
"การที่ พล.ต.สนั่น ประกาศจะวางมือ แล้วให้ลูกชายมารับช่วงแทน ทำให้มองว่า การเมืองเป็นมรดกพินัยกรรม พล.ต.สนั่น ควรอยู่ในตำแหน่งต่อไป หากจะสนับสนุนให้ลูกชายเป็นรัฐมนตรี ก็ควรรอหลังการเลือกตั้งสมัยหน้าจะเหมาะสมกว่า
+++++++++++++++++++++++++
อย่าลืมผลงานของรมว.กก คนเดินนี้เป็นอันขาด ว่าฮอตขนาดไหน เพราะเป็นฮอตไลน์สายตรงจากหอบรรหารคอยแจ่มใส ณ สุ1000-Buri …………..มันมีความเดิม ตามท้องเรื่องพัวพันกะเด็ก ททท.อยู่ละก๊า
บอร์ดททท.เมินกมธ.ท่องเที่ยว เรื่องที่ไม่จบ รึว่า Never Ending Story .y.y.y..y เมื่อวันอังคารที่ 27 ตุลาคม 2552พลันที่หนังสือพิมพ์มติชน ตีพิมพ์ข่าวพาดหัวหน้าเศรษฐกิจ
“บอร์ด ททท. เมินเสียง กมธ.ท่องเที่ยว แนะชะลอโยกย้ายระดับบิ๊ก”
เฉกเช่นหนังสือพิมพ์ เอเอสทีวี.ผู้จัดการ พาดหัวข่าวเซคชั่นเศรษฐกิจว่า “ ชุมพลซุกคำสั่ง กมธ. ยับยั้งมติบอร์ด ททท.”
//**// สรุปหนังสือชะลอและยับยั้งการดำเนินการตามมติคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเรื่องการแต่งตั้งผู้บริหาร ททท. ว่า

1. การแต่งตั้งผู้บริหารส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของบุคลากรและองค์กร โดยมีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ส่งผลให้การส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวมีอุปสรรค
2. จึงมีมติให้ชะลอและยับยั้งการแต่งตั้งผู้บริหาร ททท.ไว้ก่อน เพื่อ ป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ และ
3. เพื่อสร้างความเข้าใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาดำเนินการตาม ครรลองหลักการปฏิบัติที่ถูกต้องต่อไป
วันนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอยู่ภายใต้อุ้งเท้าของพรรคชาติไทยพัฒนา of นายบรรหาร ศิลปอาชา
× อย่าลืมเป็นอันขาดว่า หนังสือคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวแห่งวุฒิสภาที่ลงนามโดยนางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมาธิการและวุฒิสมาชิกเลือกตั้งจากจังหวัดภูเก็ต
 ถูกส่งผ่านเข้ามือของนายยุทธพล อังกินันท์ ( ลูกชายของนายยุทธ อังกินันท์ อดีตรัฐมนตรีและผู้แทนราษฎรและนางบุปผา อังกินันท์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเพชรบุรี และแกนนำของพรรคชาติไทยพัฒนา)
 ก่อนที่นายยุทธพลจะบันทึกเสนอต่อนาย ชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในฐานะประธานบอร์ด ททท.
 ความว่า**ฯพณฯรมว.กก.มีบัญชาส่ง คกก.ททท.พิจารณาและแจ้งผลให้ทราบด้วยลงวันที่ 21 ตุลาคม 2552
× **เป็นหนังสือที่นายประเสริฐ วรพิทักษ์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและคณะร้องขอความ เป็นธรรมจากคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวแห่งวุฒิสภา เพราะเห็นว่า

A. - ไม่น่าจะพึ่งพาอาศัยความเป็นธรรมได้จากคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา ของสภาผู้แทนราษฎรที่.........มีนายทศพร เทพบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ตเป็นรองประธานกรรมาธิการ
ห้ามลืมเป็นอันขาดว่า สาระสำคัญของหนังสือที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ส่งไปมีทั้งสิ้น 3 ประเด็นหลัก นั่นคือ

1) ประเด็น ที่หนึ่ง การผลักดันท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ ตามนโยบายของรัฐบาลนั้น มีความคืบหน้าเพียงใดและใส่ใจในการดำเนินการแค่ไหน เพราะรัฐบาลมอบอำนาจการตัดสินใจให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬาเป็นผู้กำหนดนโยบายการท่องเที่ยวของประเทศแต่เพียงลำพัง ทั้งนี้การเป็นวาระแห่งชาติจะต้องมีการบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆมากมาย

2) ประเด็นที่สอง ความล่าช้าของการสรรหาผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีผลกระทบต่อการดำเนินงานตามภารกิจของ ททท.ได้ไม่ตามเป้าหมาย เนื่องจากขาดผู้นำและส่งผลเสียต่อศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยกับนานาประเทศ

3) ประเด็นที่สาม การแต่งตั้งและโยกย้ายนายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยด้านสินค้าการท่องเที่ยว (ว่าที่ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคนใหม่ในตอนนั้น) ตามมติบอร์ดให้ขึ้นเป็นที่ปรึกษา 11 มีนัยแอบแฝงและมีการแทรกแซงทางการเมืองเพื่อให้การบริหารจัดการงบประมาณเป็น ไปโดยเบ็ดเสร็จ โดยให้นายอักกพล พฤกษะวัน พ้นทางการจัดการด้านงบประมาณเพราะตำแหน่งรองผู้ว่าการฯด้านสินค้าการท่องเที่ยว จะมีบทบาทด้านการใช้งบประมาณด้วย เมื่อไม่มีนายอักกพล อำนาจทั้งหมดจะอยู่ในกำมือรักษาการผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

4. ห้ามลืมเป็นอันขาดว่า งบประมาณด้านการทำตลาดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในแต่ละปี มีจำนวนมหาศาลนับพันล้านบาท ทั้งงบประมาณทางตรงและงบแอบแฝง
ย่อมเป็นที่ติดตาต้องใจของนักการเมืองและพรรคการเมืองที่อยากจะเข้ามาแสวงหา

 -- เพียงแค่การฉกฉวยการพิมพ์หนังสือเพื่อแจกจ่ายไปยังสำนักงานต่างประเทศของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปีละนับร้อยล้านบาท หากสามารถเอาโรงพิมพ์ของตัวเองและพวกพ้องเข้าไปสวาปาม แค่นั่งกินนอนกินหัวคิวร้อยละ 30 นั่นเท่ากับว่าจะมีเงินใช้จ่ายในการเลือกตั้งหนหน้าได้อย่างสบาย

5. ต้องไม่ลืมเป็นอันขาดว่า การคืบคลานเข้ามาในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของพรรคชาติไทยพัฒนา ได้มีการวางตัวเอาไว้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
นั่นคือมีการวางตัวให้
- นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
- วางตัวนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ลูกสาวคนโปรดของนายบรรหาร ที่ถูกวางตัวเอาไว้ให้เป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาคนถัดไป เป็นผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ
- วางตัวนายวราวุธ ศิลปอาชา เป็นรองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

- แถมนายบรรหาร ศิลปอาชา ยังมีการวางตัวเอง เป็นนายกสภาสถาบันพลศึกษา เพื่อคุมสถาบันพลศึกษาทั่วประเทศและคุมงบประมาณของสถาบันพลศึกษาทั้งหมด
หาเพียงแต่เท่านั้นไม่
- ยังยอมแบ่งส่วนให้พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ในฐานะหุ้นส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา เข้าผลักดันนายอรรคพล สรสุชาติ ซึ่งเป็นคนสนิทติดสอยห้อยตามพลตรีสนั่นมาตลอด คุม สปปน. เพื่อควบคุมการจัดประชุมและนิทรรศการอันเป็นองค์กรมหาชน
- โดยส่งนางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ อดีต รองอธิบดีกรมพลศึกษาที่มีความสนิทสนมกับนายบรรหาร ศิลปอาชา ถึงขนาดอดีตทุกวันเสาร์จะต้องไปราชการเพื่อหารือข้อราชการกับนายบรรหารที่ สุพรรณบุรี มาเป็นปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

- หาเพียงแต่เท่านั้นไม่ยังส่ง นายสมบัติ ครุภัณฑ์ อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยพลศึกษาสุพรรณบุรี เข้ามาคุมสำนักงานพัฒนาการกีฬาและ นันทนาการซึ่งคุมงบประมาณการกีฬาในส่วนของสมัครเล่น และ
- ส่งนาย กนกพันธ์ จุลเกษม อดีตอุปนายกสมาคมแฮนด์บอลแห่งประเทศไทยคนสนิทของนายสมบัติเข้ามาเป็นผู้ว่า การการกีฬาแห่งประเทศไทยเพื่อคุมงบประมาณด้านกีฬาอาชีพทั้งระบบ

- แถมยังส่ง นายเสกสรร นาควงศ์ มือขวาคนสนิทอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรีและอดีตผู้อำนวยการ วิทยาลัยพลศึกษาสุพรรณบุรีเข้ามาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว หนำซ้ำให้รักษาการปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทุกครั้ง แถมเมียของนายเสกสรรยังเป็นผู้อำนวยการสถาบันพลศึกษาสุพรรณบุรี

- นั่นเท่ากับว่า วันนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอยู่ภายใต้อุ้งเท้าของพรรคชาติไทยพัฒนาที่มีนายบรรหาร ศิลปอาชา เข้ามาล้วงลูกกำกับโดยตรง
-- อย่าไปแปลกใจหากงบประมาณด้านการท่องเที่ยวจะไม่โผล่มาลงที่ภูเก็ต แม้นว่า
1) ภูเก็ตจะมีนางอัญชลี เทพบุตร แกนนำในฐานะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองสายนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ ,นายทศพร เทพบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ตพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรองประธานกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬาสภาผู้แทนราษฎร

- อย่าแปลกใจไปว่างบประมาณด้านการท่องเที่ยวและกีฬาไม่โผล่มาลงที่ภูเก็ต
2) แม้นว่า ภูเก็ตจะมีนางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย วุฒิสมาชิกเลือกตั้งเป็นประธานกรรมาธิการการท่องเที่ยวแห่งวุฒิสภา และร้อยโทภูมิศักดิ์ หงส์หยก วุฒิสมาชิกสรรหาเป็นรองประธานกรรมาธิการการท่องเที่ยวแห่งวุฒิสภา………….นั่นเท่ากับว่า
นายบรรหาร ศิลปอาชา เจ้าของพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่แยแส ไม่เห็นหัว และไม่ให้ราคาค่างวดต่อ 4 นักการเมืองจังหวัดภูเก็ตที่มีบทบาทในรัฐบาลและในรัฐสภา แม้แต่นิดเดียว อย่าว่ากระไรเลย ไหนเลยมันจะเห็นหัวพนักงาน แล้วยังจะไปเลียขนมังกรมันอี๊กกกก
มีลูกอายลูกมีหลานอายหลาน ขอให้มันหูหนวกปากเบี้ยวตาบอดละกันจะได้ไม่ต้องเห็นลิ้นบรรพบุรุษมันลงยาทาชแล็คแถมขนติดด้วยยยยย

3) **ไม่ให้ราคาถึงขั้นที่..
 .ไม่ยอมเอาหนังสือของนางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมาธิการการท่องเที่ยวแห่งวุฒิสภาที่ลงนามตามมติของคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวแห่งวุฒิสภาทั้งคณะ เข้าสู่ที่ประชุมของบอร์ดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
 ทั้งที่นายยุทธพล อังกินันท์ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคชาติไทยพัฒนาจังหวัดเพชรบุรี มีหนังสืออ้างบัญชาของนายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เอาเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า หากเฟ้นค้นงบประมาณด้านการท่องเที่ยวและกีฬาที่นอกเหนือจากงบประมาณแล้ว แทบจะเรียกได้ว่า งบไทยเข้มแข็งไม่มีโผล่ลงมาพัฒนาภูเก็ตแม้กระทั่งจะส่งเสริมด้านการตลาดให้กับการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต
 เสมือนหนึ่งชาวภูเก็ตทั้งจังหวัดไม่อยู่ในสายตาของพรรคชาติไทยพัฒนาและนายบรรหาร ศิลปอาชา แม้นว่าในอดีตจังหวัดภูเก็ตจะเคยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคชาติไทยนามเรวุฒิ จินดาพล ประดับพรรคชาติไทยก็ตาม

 วันนี้ประธานและรองประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวแห่งวุฒิสภา ที่มาจากวุฒิสมาชิกเลือกตั้งและสรรหาจากจังหวัดภูเก็ต ไร้น้ำยา ราดขนมจีน( คงเหลือแค่ น้ำซีอิ้วก้นขวดราดขนมจีนแทนน้ำยา )
 ทั้งที่สามารถแต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาในเรื่องนี้ โดยตั้งรองประธานกรรมาธิการคนอื่นเข้ามาทำหน้าที่

 ฤๅ วันนี้ รองประธานกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งสภาผู้แทนราษฎรที่คนภูเก็ตเท คะแนนเสียงให้เข้าไปทำหน้าที่ปากเสียงในสภาผู้แทนราษฎรจะไร้น้ำยา น้ำพริก กระทั่งน้ำซีอิ้วคลุกขนมจีน
ชาวบ้าน ภาคเอกชน และนักลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตจะหวังพึ่งอะไร
นอกจากไปจุดธูปขอท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร...หลวงพ่อแช่ม...เพื่อให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตแทนที่จะไปนั่งรอผู้ทรงเกียรติทั้งสี่แห่งรัฐสภาและรัฐบาล กระมัง?

** ย้ำนายบรรหาร ศิลปอาชา เจ้าของพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่เห็นหัว และไม่ให้ราคาค่างวดต่อ 4 นักการเมืองจังหวัดภูเก็ตที่มีบทบาทในรัฐบาลและในรัฐสภา แม้แต่นิดเดียว อย่าว่ากระไรเลย ไหนเลยมันจะมาแยแส รึเห็นหัวพนักงาน
แล้วยังจะไปเลียขนมังกรมันอี๊กกกก ………..มีลูกอายลูกมีหลานอายหลาน ขอให้มันหูหนวกปากเบี้ยวตาบอดละกันจะได้ไม่ต้องเห็นลิ้นบรรพบุรุษมันลงยาทาชแล็คแถมขนติดด้วยยยยย
=ช่วยตอบบรรยากาศการหายใจใต้อุ้งตีน.......ว่าหายใจสะดวกดี ไหม(นอกจากแสบลิ้นที่ทั้งเลีย ทั้งโก่งคอหอนรับแล้ว) ร่างกายปกติดีหรือ ( อ้อ ยกเว้นเรื่อง กระเป๋าและ statement เมีย-กิ๊ก ที่ปรี่แล้ว ที่เหลือมันสัญญาลมปากโว้ย)
• กลิ่นอายและรสชาติถ้อยคำของผู้มีความจริงใจ จะผิดกับกลิ่นอายของผู้ไม่จริงใจ มีแต่มารยา วิชาการ ผิดกันราวกับฟ้าและเหว
• ขอเพียงพวกท่านมีความจริงใจ มีความเป็นธรรมชาติ
• ท่านจะได้เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นลูกหลานของชาวศากยะ ดูอย่างพระพุทธเจ้าเป็นที่รักของเทวดาพรหม มาร เปรต และอสุรกาย ทรงยิ่งใหญ่ในหัวใจของทุกคนและของตัวเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น